ผักกาดช้าง

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Crassocephalum crepidioides (Benth.) S. Moore

วงศ์ : ZINGIBERACEAE

ฟังชื่อแล้วอาจข้าใจว่าเป็นพืชที่มีต้นใหญ่มาก  แท้จริงแล้วเป็นไม้พุ่มล้มลุกที่สูง  50 – 100  ซม.  ถ้าขึ้นในที่ชุ่มชื้นต้นจะอวบน้ำ นิยมบริโภคกันในภาคเหนือ  เรียกกันว่า  “ผักเผ็ดแม้ว”  และภาคใต้เรียกว่า  “หญ้าดอกฟุ้ง”  มีตำนานที่เล่ากันว่า  ผักชนิดนี้เป็นผักที่โปรดปรานกันมากของพ่อบ้านชาวพม่าจนต้องมีให้กินทุก มื้อ  ถ้าวันไหนภรรยาไม่สามารถหามาให้ได้ก็จะอาละวาดทุบตีภรรยาด้วยความโกรธ  ชาวพม่าจึงเรียกต้นนี้ว่า  “พม่าตีเมีย”

ดอก : ช่อดอกออกที่ปลายยอด  แต่ละช่อมีดอกย่อยจำนวนมากอัดกันแน่น  เกสรเพศเมียมีส้มโผล่พ้นดอกเห็นเด่นชัด  เมล็ดมีขนฟูที่ปลิวไปตามลมช่วยในการกระจายพันธุ์

ประโยชน์ : นิยมกินยอดอ่อนเป็นผักสดกับน้ำพริก  อาหารรสจัด  หรือผัดน้ำมัน  มีกลิ่นหอม  ช่วยดับกลิ่นคาว  และช่วยให้เจริญอาหาร  สามารถเก็บกินได้ตลอดปี

การขยายพันธุ์ : ผักกาดช้างมักพบอยู่ตามแปลงปลูกผักของเกษตรกรที่มีแสงแดดส่งถึงตลอดวัน  ถ้าขึ้นในที่ชุ่มชื้นจะกรอบอร่อย  ถ้าอยู่ในที่แห้งแล้งต้นจะแคระแกร็นไม่น่ากิน  ขยายพันธุ์ได้ง่าย  เพียงเก็บเมล็ดแก่ที่แห้งมาโรยในพื้นที่ปลูกไม่นานก็จะได้ลิ้มชิมรส

นิเวศวิทยา : เป็นวัชพืชตามพื้นที่ลุ่มทั่วทุกภาคของไทย

ใส่ความเห็น

อีเมล์ของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

คุณอาจจะใช้ tag หรือ attribute ต่อไปนี้ของ HTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong> มาใช้ได้