ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Acrostichum aureum L.
ชื่อวงศ์ : Cycadaceae
เป็นเฟินน้ำที่พบอยู่ทั่วทุกภาคในไทย ถ้ามีโอกาสล่องเรือไปตามลำคลองเล็ก ๆ ชานเมืองกรุงเทพฯ หรือแม้แต่ที่รกร้างชุ่มน้ำ จะเห็นปรงทะเลขึ้นเป็นกออยู่ตามริมตลิ่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ำกร่อย เป็นพุ่มใหญ่ บางต้นใหญ่ถึง 2 เมตร
ใบ : ประกอบแบบขนนก รูปขอบขนาน หนาแข็ง มีใบสร้างสปอร์อยู่ ส่วนปลายของใบประกอบด้วย ที่ใต้ใบอัดแน่นไปด้วยสปอร์สีน้ำตาลแดงทั่วทั้งแผ่นใบ จากลักษณะพุ่มต้นและใบนี้เองจึงดูคล้ายพืชวงศ์ปรง (Cycadaceae) ประกอบกับสามารถเจริญได้ในพื้นที่น้ำเค็มหรือน้ำกร่อย จึงเรียกว่า “ปรงทะเล”
ประโยชน์ : ปรงทะเลไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะเมื่อเปรียบกับผักอื่น ๆ แล้วจะเก็บมากินได้ยาก ส่วนที่ใช้ประโยชน์คือยอดอ่อน นิยมต้มให้สุกกินกับน้ำพริก ผัดกับไข่ หรือผัดน้ำมัน ให้ใยอาหารและวิตามินบี 2 ค่อนข้างสูง
สรรพคุณทางสมุนไพร : นำเหง้ามาบดให้ละเอียด ใช้รักษาแผลสดหรือแผลน้ำร้อนลวก ใบใช้ห้ามเลือด นอกจากนี้ใบและก้านใบแห้งใช้มุงหลังคาหรือสานเสื่อ มีอายุการใช้งานนานและติดไฟยาก
การขยายพันธุ์ : ปรงทะเลชอบดินชุ่มชื้นแฉะ มักพบอยู่ตามบึงน้ำตื้น ๆ มีแสงแดดจัด ทนแล้งและทนดินเค็ม ขยายพันธุ์โดยการเพาะสปอร์ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ต้องเพาะสปอร์เอง เพราะขึ้นได้เองตามหนองน้ำต่าง ๆ จึงสามารถขุดมาปลูกในที่ที่ต้องการได้ นิยมปลูกเป็นไม้น้ำประดับสวนน้ำกันมาก