ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Cassia bakeriana Craib
ไม้ต้น สูงประมาณ 10-15 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาค่อนข้างมาก
พุ่มใบแบนกว้าง ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ใบย่อย 5-8 คู่ มีขนนุ่มปกคลุม
ดอก : ออกเป็นช่อตามกิ่ง ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ สีชมพูดอ่อนแกมขาว มักออกดอกในระหว่างทิ้งใบหรือผลิใบใหม่ แต่บางพันธุ์ก็ออกในระหว่างที่มีใบติดอยู่มากได้เช่นกัน เมื่อดอกเริ่มบานเป้นสีชมพู พอใกล้โรยกลายเป้นสีขาว
ผล : เป็นฝักกลมยาว มีขนนุ่มปกคลุม เมื่อแก่มีสีน้ำตาลคล้ำและมีกลิ่นเหม็น ภายในมีเมล็ดกลมแบน
วิธีปลูกและดูแลรักษา : กัลปพฤกษ์เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในดินปนทรายหรือดินร่วนซุยเพราะสามารถทนแล้งได้ดี และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค ส่วนใหญ่มักพบต้นกัลปพฤกษ์ที่ภาคอีสานและภาคเหนือ
ชื่อวงศ์ : Leguminosae Caesalpinioideae
ประโยชน์ : เป็นไม้ยืนต้นที่แผ่กิ่งก้านสาขามาก ให้ร่มเงาในบริเวณกว้าง หรือปลูกเพื่อความสวยงามเพราะกัลปพฤกษ์มีดอกที่สวย เนื้อและเปลือกไม้ มีสารฝาดใช้ฟอกหนัง
สรรพคุณทางสมุนไพร : ฝักใช้ทำยาระบายอ่อนๆ
ต้นไม้สัญลักษณ์ : กัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่อยู่ในตำนานสมัยโบราณ ถือว่าเป็นต้นไม้ทิพย์ที่มีคุณวิเศษของเทพเจ้า เป็นหนึ่งในต้นไม้สวรรค์ที่จะบันดาลผลให้สำเร็จตามความปรารถนา และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ เชื่อกันว่าบ้านใดปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้ประจำบ้าน โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นสิริมงคล ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต พบแต่ความสุขสมหวังทุกประการ หากผู้ปลูกเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและเป็นผู้ประกอบคุณงามความดี ก็จะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก เช่นเดียวกับต้นกัลปพฤกษ์ที่มีอายุยืนนาน แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ กัลปพฤกษ์เป็นไม้ที่พบในประเทศไทยเป็นประเทศแรกและจดทะเบียนชื่อวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของโลก นอกจากเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลประจำจังหวัดขอนแก่นแล้ว ยังเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยขอนแก่น โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายประถม)
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการตอนและเพาะเมล็ด ซึ่งการเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่นิยมเพราะค่อนข้างได้ผลมากกว่า
นิเวศวิทยา : มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้