ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Bauhinia purpurea L.
ไม้ยืนต้น สูงประมาณ 10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มหนา เหมาะเป็นร่มเงาให้พักพิง กิ่งอ่อนมีขน
ใบ : มีลักษณะกลมมน มีหยักเว้าลึกตรงกลางใบ ดูคล้ายปีกผีเสื้อ หน้าใบมีขนนุ่ม
ดอก : ออกตามปลายกิ่งหรือส่วนยอดเป็นช่อ ชื่อหนึ่งมีดอกย่อย 6-10 ดอก กลีบดอกมี 5 กลีบ สีชมพู สีบานเย็น หรือม่วงแดง และสีขาว เรียกว่า เสี้ยวดอกขาว ดอกสวย บานทนเป้นเดือน ชงโคให้ดอกในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
ผล : เป็นฝักแบน ฝักแก่มีสีน้ำตาลและแตกตามแนวยาว เผยให้เห็นเมล็ดแบนๆอยู่ข้างใน สามารถนำมาขยายพันธุ์ได้
วิธีปลูกและดูแลรักษา : เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มและดอกสวย ใบดกพุ่มหนา ใช้เป็นร่มเงาได้ดี จึงเป็นต้นไม้ชนิดนึงที่นิยมนำมาปลูกในบริเวณบ้าน และใช้จัดแต่งสวนเป็นไม้ประดับ เจริญเติบโตด้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี ชอบแสงแดดจัด ไม่ค่อยพบศัตรูและโรคพืช
ชื่อวงศ์ : Leguminosae Caesalpinioideae
ประโยชน์ : ชงโคที่มีดอกสีขาวหรือ เสี้ยวดอกขาว ใช้เปลือกต้นมาย้อมแห อวน ให้เหนียวคงทน
สรรพคุณทางสมุนไพร : เปลือกต้น ใช้แก้บิด ท้องเสีย ใบสด ใช้พอกฝีแผล ใบต้มน้ำรักษาอาการไอ ราก ใช้ขับลม ดอก ใช้กินเป็นยาระบาย แก้พิษร้อนและช่วยลดไข้
ต้นไม้สัญลักษณ์ : ชงโคเป็นไม้ต่างถิ่นที่เข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คนไทยโบราณนิยมปลูกชงโคไว้ประดับบ้าน เพราะเป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสวย ให้ดอกหอม สีสดและบานติดต้น คงทนนานนับเดือน จึงมีความเชื่อสืบกันมาแต่โบราณว่า บ้านใดปลูกชงโคไว้ คนในบ้านจะมีความดีงามและอดทนดุจความงามคงทนของดอกชงโคที่บานนานเป็นเดือนนั่นเอง เสี้ยวดอกขาว เป็นพรรณไม้ประจำจังหวัด น่าน
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดที่เกิดจากฝักหรือตอนกิ่ง
นิเวศวิทยา : มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย กระจายพันธุ์ถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้